การชาร์จรถไฟฟ้า AC กับ DC ต่างกันอย่างไร?

การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ามีสองวิธีหลักๆ คือการชาร์จแบบ AC (Alternating Current) และ DC (Direct Current) ซึ่งทั้งสองมีความแตกต่างกันในหลายด้าน ดังนี้:

1. ชาร์จแบบ AC (Alternating Current)

แหล่งพลังงาน: การชาร์จแบบ AC ใช้ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ซึ่งเป็นรูปแบบของไฟฟ้าที่ใช้ในบ้านเรือนทั่วไป

– เครื่องชาร์จ (EVSE): รถยนต์ไฟฟ้าจะมีตัวแปลงไฟฟ้า (onboard charger) ในตัวที่ทำหน้าที่แปลงไฟฟ้าจากกระแสสลับ (AC) เป็นกระแสตรง (DC) ที่ใช้ในการชาร์จแบตเตอรี่

ระยะเวลาชาร์จ: การชาร์จแบบ AC มักจะช้ากว่า เนื่องจากต้องผ่านกระบวนการแปลงไฟฟ้าจาก AC เป็น DC และกำลังไฟฟ้าที่ใช้ในการชาร์จมักจะต่ำกว่าการชาร์จแบบ DC

ประเภทสถานีชาร์จ: สถานีชาร์จแบบ AC มีหลายระดับ ตั้งแต่ระดับ 1 (ไฟบ้าน 120V) และระดับ 2 (ไฟบ้านหรือเชิงพาณิชย์ 240V) ซึ่งระดับ 2 จะชาร์จได้เร็วกว่าระดับ 1

2. ชาร์จแบบ DC (Direct Current)

แหล่งพลังงาน: การชาร์จแบบ DC ใช้ไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ซึ่งเป็นรูปแบบของไฟฟ้าที่ตรงกับความต้องการของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า

เครื่องชาร์จ: ในการชาร์จแบบ DC จะใช้สถานีชาร์จแบบพิเศษที่ทำหน้าที่แปลงไฟฟ้าจาก AC เป็น DC แล้วส่งตรงไปยังแบตเตอรี่รถยนต์ ไม่ต้องผ่านการแปลงไฟฟ้าในตัวรถ

ระยะเวลาชาร์จ: การชาร์จแบบ DC มักจะเร็วกว่า เพราะกระแสไฟฟ้าที่สูงและไม่มีการเสียเวลาจากการแปลงไฟฟ้าในตัวรถ

ประเภทสถานีชาร์จ: สถานีชาร์จแบบ DC เป็นสถานีชาร์จที่มีความเร็วสูง มักเรียกว่า “Fast Charging” หรือ “Supercharging” และมีกำลังไฟสูงกว่าชาร์จแบบ AC

ข้อสรุป

  • การชาร์จแบบ AC: ใช้ไฟฟ้าบ้านทั่วไป ชาร์จได้ช้ากว่า แต่สามารถชาร์จได้สะดวกที่บ้านหรือสถานที่ต่างๆ ที่มีไฟฟ้า
  • การชาร์จแบบ DC: ชาร์จได้เร็วกว่า แต่ต้องใช้สถานีชาร์จเฉพาะที่รองรับไฟฟ้ากระแสตรง ซึ่งมักจะพบในสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่

การเลือกวิธีการชาร์จขึ้นอยู่กับความสะดวกและความต้องการของผู้ใช้งาน หากต้องการชาร์จรถที่บ้านและไม่เร่งรีบ การชาร์จแบบ AC ก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าต้องการชาร์จรถเร็วๆ ระหว่างเดินทาง การชาร์จแบบ DC จะเหมาะสมมากกว่า

.”

Scroll to Top