การชาร์จรถไฟฟ้ามีกี่แบบ แล้วแตกต่างกันมากแค่ไหน?

การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายแบบตามประเภทของกระแสไฟฟ้าที่ใช้และความเร็วในการชาร์จ โดยหลักๆ แล้วมี 3 แบบดังนี้:

1. การชาร์จแบบ AC (Alternating Current)

  • ระดับ 1 (Level 1 Charging):
    • ใช้ไฟบ้านที่มีแรงดัน 120V ซึ่งเป็นไฟฟ้าที่ใช้ในครัวเรือนทั่วไป
    • ความเร็วในการชาร์จค่อนข้างช้า มักใช้เวลาหลายชั่วโมงหรือทั้งคืนในการชาร์จเต็ม
    • เหมาะสำหรับการชาร์จที่บ้านโดยเฉพาะตอนกลางคืน
  • ระดับ 2 (Level 2 Charging):
    • ใช้ไฟบ้านหรือไฟเชิงพาณิชย์ที่แรงดัน 240V
    • ความเร็วในการชาร์จสูงกว่าแบบระดับ 1 และมักใช้เวลาชาร์จประมาณ 4-8 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความจุของแบตเตอรี่
    • มักนิยมใช้ในบ้านที่มีการติดตั้งเครื่องชาร์จเฉพาะ หรือในสถานที่จอดรถสาธารณะ เช่น ห้างสรรพสินค้า

2. การชาร์จแบบ DC (Direct Current) หรือ Fast Charging

  • การชาร์จเร็ว (Fast Charging หรือ DC Fast Charging):
    • ใช้ไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ที่กำลังไฟสูง ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้โดยตรง
    • ความเร็วในการชาร์จสูงมาก มักใช้เวลาชาร์จเพียง 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง สำหรับการชาร์จ 80% ของความจุแบตเตอรี่
    • เหมาะสำหรับการชาร์จระหว่างการเดินทางไกล หรือเมื่อจำเป็นต้องชาร์จรถเร็วๆ

3. การชาร์จแบบ Wireless Charging (การชาร์จแบบไร้สาย)

  • การชาร์จแบบเหนี่ยวนำ (Inductive Charging):
    • ใช้การเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าในการส่งพลังงานจากแท่นชาร์จไปยังรถยนต์โดยไม่ต้องใช้สายไฟ
    • ความเร็วในการชาร์จยังช้ากว่าแบบ DC Fast Charging แต่มีความสะดวกสบายสูง เนื่องจากไม่ต้องเสียบปลั๊ก
    • ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาและทดลองใช้ในบางพื้นที่

ข้อสรุป

การชาร์จแบบ AC: เป็นการชาร์จที่ช้ากว่า เหมาะสำหรับการชาร์จที่บ้านหรือที่ทำงานเมื่อไม่เร่งรีบ มีความสะดวกและใช้งานง่าย

การชาร์จแบบ DC: เป็นการชาร์จที่เร็วกว่า เหมาะสำหรับการชาร์จระหว่างเดินทางที่ต้องการประหยัดเวลา

การชาร์จแบบไร้สาย: กำลังได้รับการพัฒนาและมุ่งเน้นความสะดวกสบาย แม้จะยังไม่แพร่หลายเท่าการชาร์จแบบมีสาย

ความแตกต่างของแต่ละแบบอยู่ที่ความเร็วในการชาร์จและความสะดวกในการใช้งาน การเลือกใช้วิธีการชาร์จขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความต้องการของผู้ใช้

ที่มารูปภาพ : https://www.ananindustry.com/ , https://www.innomatter.com/ev-nev/

Scroll to Top